หนูน้อย ป.6 ยอดกตัญญู ปรนนิบัติเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยเป็นโรคฝีในสมองมาประมาณ 5 เดือน

พลเมืองดีวอนสื่อมวลชนช่วยประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชนยื่นมือช่วยหนูน้อย ป.6 ยอดกตัญญูปรนนิบัติเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยเป็นโรคฝีในสมองมาประมาณ 5 เดือนโดยผู้เป็นแม่บ้านตาเริ่มซ้ายเริ่มมองไม่เห็น ขาซ้ายมีอาการชากลายเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถทำงานได้-ส่วนพ่อออกทำงานรับจ้างทั่วไป

(18 ก.ค.) ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แจ้งจากพลเมืองดีขอความช่วยเหลือชาวบ้านที่ครอบครัวยากจนอาศัยกันอยู่ 3 ชีวิตพ่อแม่ลูกป่วยเป็นโรคฝีในสมองมาประมาณ 5 เดือนโดยผู้เป็นแม่บ้านตาเริ่มซ้ายเริ่มมองไม่เห็น และขาซ้ายมีอาการชากลายเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถทำงานได้ ในขณะที่สามีออกทำงานรับจ้างทั่วไปหารายได้แต่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย อาศัยอยู่ในกระท่อมเก่า ๆ หมู่ 6 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ส่วนบุตรสาวอายุ 12 ปี เรียนชั้น ป. 6 เป็นนักเรียนที่เรียนดีและมีความกตัญญูปรนนิบัติดูแลแม่อย่างใกล้ชิด

จึงแจ้งให้ผู้สื่อข่าวในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบพบกระท่อมหลังดังกล่าวตั้งอยู่ในที่ดินนายบุญช่วย ใจห้าว บ้านเลขที่ 8 หมู่ 6 ต.เจาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้าชายที่อนุญาตให้ครอบครัวดังกล่าวปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ในพื้นที่ จากการตรวจสอบพบว่ากระท่อมไม้ กว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ยกสูงจากพื้นประมาณ 50 ซม. พื้นบ้านปูด้วยแผ่นไม้ ฝาฝนังกั้นด้วยสังกะสีและปีกไม้มะพร้าวที่เพื่อนบ้านทิ้งไร้ประโยชน์ รอบฝาบ้านจึงมีรูปรุพรุนชัดเจน บางจุดต้องใช้กระสอบปุ๋ยกั้นทับอีกครั้ง ในขณะที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องเก่า ๆ ภายในบ้านมีที่นอนเก่า 1 ลูก มีตู้เย็น โทรทัศน์และพัดลมเก่า ๆ พร้อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดเล็กสภาเก่าอีก 1 ใบ ด้านในเป็นสถานที่หุงหาอาหารโดยมีเตาถ่านและไม้ฟืน 2 เตาอยู่ใกล้กัน ไม่มีเตาแก็ส ไม่มีห้องน้ำห้องส้วม โดยพบนางอารมณ์ โทวิรัตน์ อายุ 41 ปี ด.ญ.นิตยา ภูบาล อายุ 12 ปี บุตรสาว นั่งอยู่ภายในบ้าน

นางอารมณ์ โทวิรัตน์ อายุ 41 ปี เปิดเผยว่า ได้อยู่กินกับนายหวัน ภูบาล อายุ 52 ปี ทำงานรับจ้างทั่วไป โดยตนและหวัน ภูบาล มีบุตรด้วยกัน 3 คน คนโตเป็นผู้หญิงอายุ 24 ปี แยกไปมีครอบครัวอาศัยอยู่กับสามีใน ต.เทพราช อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และมีอาชีพรับจ้างกรีดยางพาราและรับจ้างทั่ว ๆ ไป มีฐานะยากจนเช่นกัน บุตรสาวคนโตและสามีจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนตนทุกอาทิตย์ ในขณะที่บุตรคนกลางเป็นชายอายุ 19 ปี หลังเรียนจบชั้น ป.6 ได้ออกจากโรงเรียนไปรับจ้างแบกไม้ยางพารา ปัจจุบันได้รับความเมตตาจากนายจ้างให้พักอาศัยอยู่ด้วยในพื้นที่ ต.เขาน้อย อ.สิชล ไม่ไกลจากบ้านของตนมากนัก

นางอารมณ์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันภายในบ้านอาศัยอยู่กัน 3 คน คือตนสามีและ ด.ญ.นิตยาหรือ“น้องปู” ก่อนหน้านี้ตนทำลอบดักปูมีรายได้วันละ 300 บาท แต่ในปัจจุบันล้มป่วยเป็นโรคฝีในสมองมาประมาณ 5 เดือนและเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ได้ให้ยามากินที่บ้านโดยบอกว่าหากได้รับการรักษาอาการจะดีขึ้น แต่เนื่องจากครอบครัวของตนมีฐานะยากจน สามีต้องทำงานคนเดียว ส่วนตนทำงานอะไรไม่ได้เลย ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ในขณะที่อาการป่วยก็หนักขึ้นทุกวัน จนตาข้างซ้ายเริ่มเลือนรางไม่ไม่ค่อยเห็น เหลือตาข้างขวาข้างเดียวที่ทองเห็นชัด นอกจากนี้ขาด้านซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไปจนถึงนิ้วเท้า จะมีอาการชาตลอดอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถเดินได้โดยสะดวกและรู้สึกเจ็บปวดใช้ไม้ค้ำพยุงร่างกาย จึงขอกลับมารักษาตัวที่บ้านตามมีตามเกิดและพร้อมจะตายในบ้านหลังนี้

“ตนเป็นห่วง ด.ญ.นิตยา ภูบาล หรือ “น้องปู” อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านทุ่งขันหมาก หมู่ 6 ต. เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเด็กเรียนดีมากและมีความกตัญญู คอยปรนนิบัติดูแลตน ก่อนไปโรงเรียนจะหุงข้าวทำกับข้าวไว้ให้ตนก่อนไปโรงเรียนทุกวัน โชคดีที่ทางโรงเรียนมีรถยนต์รับส่งทุกวัน แต่วันไหนที่อาการป่วยของตนทรุดหนักรุนแรง ด.ญ.นิตยา หรือน้องปู จะไม่ไปโรงเรียนเพื่อดูแลแม่อย่างใกล้ชิด จะทำงานบ้านเองทุกอย่างทั้งซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน หุงหาอาหาร เป็นต้น”

ทางด้านนายธีรพงษ์ นพเดช ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งขันหมากกล่าวว่า ครอบครัวนี้ยากจนและได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดย ด.ญ.นิตยา ภูบาล หรือ “น้องปู” อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 เป็นนักเรียนที่เรียนดีมากและมีความประพฤติเรียบร้อย หากสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้เป็นอยู่อย่างนี้ ด.ญ.นิตยา หรือ “น้องปู” คงไม่มีโอกาสเรียนต่อในระดับมัธยมอย่างแน่นนอนเพราะต้องออกจากโรงเรียนไปหางานทำและปรนนิบัติดูแลแม่ที่นับวันอาการป่วยจะทรุดหนักลงไปเรื่อย ๆ หากไม่ได้เรียนต่อเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอนาคตของ ด.ญ.นิตยา หรือน้องปูเป็นอย่างมากตนได้ทำเรื่องของบประมาณจากสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้กับครอบครัวนี้ และหาทางช่วยเหลือ ด.ญ.นิตยา หรือน้องปู ให้มีโอกาสเรียนต่อ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลการตอบรับจึงไม่แน่ใจว่าจะได้รับการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวดังกล่าวหรือไม่

หนูน้อยกตัญญู ดูแลแม่ที่ป่วยหนัก

ในขณะที่นายสัมพันธ์ คนดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับรางวัลนักพัฒนาดีเด่น กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่สื่อมวลชลเดินทางลงพื้นที่เพื่อหาทางให้การช่วยเหลือครอบครัวนี้ โดยตนขอยืนยันว่าครอบครัวนี้เดือดร้อนจริง ๆ โดยหากได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการสร้างบ้านใหม่ให้กับครอบครัวนี้ คิดว่าจะสร้างในที่ดินสาธารณะ โดยในหมู่บ้านมีที่ดินสาธารณะประโยชน์อยู่ 4 ไร่ ซึ่งพร้อมที่จะให้ครอบครัวมอบที่ดินให้สร้างบ้านอยู่อาศัยได้แต่มีเงื่อนไขว่าโดยเอกสารสิทธิ์ก็ต้องเป็นที่ดินของหมู่บ้านเหมือนเดิม ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวได้จัดแบ่งให้ชาวบ้านที่มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัยสร้างบ้านอยู่บ้างแล้ว หากครอบครัวนี้จะไปสร้างบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่อีกครอบครัวหนึ่งคงไม่มีปัญหาใด ๆ ตนพร้อมชาวบ้านพร้อมให้การช่วยเหลือในการก่อสร้างอย่างเต็มที่ นายสัมพันธ์ กล่าวที่สุด.

ไพฑูรย์ อินทศิลา /สายัณห์ ศรีใหม่ / นครศรีธรรมราช