ปีศาจแดง อาการกระอักกระอ่วนจากการโดนเยาะเย้ย

เปิดอ่าน 4,041 views

4

ฟุตบอล : ตอนนี้แฟน “ปีศาจแดง” แทบทุกคนคงเจอสภาพไม่ต่างกัน อาการกระอักกระอ่วนจากการโดนเยาะเย้ยถากถางถึงผลงานในช่วงนี้ของทีม ไม่มีอะไรจะอยากสื่อแก่มวลชนสายเลือดซาตานด้วยกันนอกจากสามคำที่ว่า “เชื่อมั่น”, “อดทน” และ “ยิ้มรับ” เท่านั้น

ตอนแรกผมไม่อยากจะย่างนิ้วมือไปเรื่องของทัพ “อสูรแดง” ในยามนี้สักเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่เอามากล่าวถึงบ่อยแล้วก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะยิ่งพูดก็ยิ่งช้ำ พยายามจะย้ายสมองไปมองเรื่องอื่นในวงการลูกหนังบ้าง แม้จะพอมีประเด็นให้หยิบจับมานำเสนอได้อยู่หลายหยิบมือ แต่ใจก็ไม่หยุดพะวงเรื่องของทีมรักที่พูดได้เต็มปากว่าเวลานี้ “วิกฤต” มาเยือนแล้วจริงๆ

เชื่อว่าหลายคนพยายามต่อว่า ขับไล่ ด่าทอ ผู้จัดการทีมต่างๆ นานา เชื่อเถอครับไม่มีประโยชน์อะไร สัญญาที่เซ็นกันไว้ 5 ปีของ มอยส์ โดยมีกำหนดว่า 3 ปีต้องมีแชมป์ ยังคงศักดิ์สืทธิ์ ไม่ได้จะบอกว่าให้เคารพสัญญาแบบไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ แต่ที่อยากบอกคือ “เชื่อมั่น” ครับ เดวิด มอยส์ ยังต้องการเวลาเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำความเข้าใจให้มากขึ้น แล้วเชื่อเหลือเกินว่า ตำนานบทใหม่จะได้ฤกษ์เริ่มบันทึกแน่นอน

หลายคนบอกว่าเราได้แล้ว 1 ถ้วยไม่ต้องกลัวมือเปล่า โล่การกุศลเอาชนะทีมอย่างวีแกนไม่นับนะฮะ

ทุกครั้งที่ “ปีศาจแดง” ล้มลงบนผืนหญ้า เราจะใช้มือยันพื้นแล้วกลับมายืนได้ใหม่ด้วยขาทั้งสองข้าง เรากำลังโดนบรรดา “ทีมซีกบน” ของตารางคะแนนได้ทีเย้ยหยันถากถาง สิ่งที่อยากย้ำอีกครั้งคือ “อดทน” ครับ เราเพลี่ยงพล้ำ มีหลายคนรอซ้ำอยู่แล้ว โดยเฉพาะบรรดาคนที่คุณไปสร้างความเป็นศัตรูไว้เมื่อยามที่ทีมอื่นเขาล้ม

นอกจาก “อดทน” จาก “ปากเหยี่ยวปากกา” แล้ว ยังต้องอดทนกับความไม่สมหวัง อยากนอนจมความสำเร็จจนเคยตัว เราเคยมี “ป๋าเฟอร์กี้” เป็นหัวขบวนรถจักรลากขบวน “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ไปสู่แชมป์มากมายหลายรายการจนตู้โชว์แทบจะบรรจุถ้วยได้ไม่หมด แต่เมื่อไม่มีหัวขบวน โบกี้ทุกโบกี้ก็หยุดนิ่ง แน่นอนว่า มอยส์ อาจไม่ใช่รถจักรระดับหัวกระสุน แม้เราอาจช้า อาจถดถอยบ้าง แต่เราไม่ได้หลุดจากเส้นทางที่ “ป๋า” เคยพาวิ่งแน่นอน

ถึงเวลาที่เราจะต้องลืมเรื่องถ้วยรางวัลที่มันเต็มตู้ไปชั่วคราวแล้วหันหน้ามองความจริงแล้วร่วมใจกันเชียร์

เวลานี้ไม่ต่างจากการที่ขบวนรถไฟกำลังแล่นเข้าสู่อุโมงค์มืดที่ยาวไกลแทบ จะไร้จุดสิ้นสุด สิ่งที่เราต้องทำคือการยอมรับ “ยิ้มรับ” ให้กับอุปสรรค และพร้อมท้าชนไปด้วยกันกับผู้จัดการทีมคนใหม่ เราเคยบ่น “เฟอร์กี้” ยามจัดตัวไม่ถูกใจ เราเคยด่า “เฟอร์กี้” ยามแก้แท็กติกพลาด มันก็ไม่ต่างอะไรกับ มอยส์ ดังนั้น เชื่อ เหมือนที่เราเคย เชื่อ “ป๋า”

วัฏจักรของวงการลูกหนังก็แบบนี้ครับ ยืดอกรับความไม่สำเร็จดูบ้าง ไม่มีทีมไหนไม่เคยตกต่ำ ไม่ต้องมองที่ไหนไกล คู่รักคู่แค้นของเราอย่าง ลิเวอร์พูล ไม่ได้แชมป์ลีกมา 20 ปี อาร์เซน่อล ไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือมา 8 ปี หรือ เชลซี ก่อนยุค “เสี่ยหมี” ที่แทบจะลืมสัมผัสถ้วยแชมป์ ตลอดจน แมนฯ ซิตี้ ที่เคยเป็นทีมที่วิ่งขึ้นวิ่งลงลีกรองและลีกสูงสุดอยู่บ่อยๆ นี่มันก็แค่ถึงเวลาเราจะไม่สำเร็จบ้าง

ดูฟุตบอลให้เป็นครับ 1 ซีซั่นมีแชมป์ลีกได้ทีมเดียว 19 ทีมคือผู้ผิดหวัง ดังนั้นอย่าทะนงตัว วันนี้มาถึงแล้ว แต่สักวัน มอยส์ จะพาเราวิ่งพ้นอุโมงค์ไปเจอแสงสว่างแน่ ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่คงตอบไม่ได้ แต่อยากให้ผู้ขายวิญญาณให้ซาตานทุกท่าน ยืนหยัดด้วยกันจนกว่าจะถึงวันนั้นครับ

การรับไม้ต่อจากโคตรกุนซือระดับอภิมหาตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่น่าจะทำให้มอยส์รู้สึกอึดอัดครั้งแรกในชีวิตการทำงาน

ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่ม ผู้จัดการทีมของเรายืนยันว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ต้องพัฒนาในแผงมิดฟิลด์อย่างที่ สื่อหลายๆ สำนักพากันวิจารณ์ แต่เป็นทุกจุดเลยต่างหากที่ต้องทำให้ดีขึ้น ทุกนัดครองเกมได้ แต่ไม่อาจสร้างโอกาสทำประตู สุดท้ายก็ต้องมารอกับลูกตั้งเตะ

โดยเฉพาะระยะหลังที่เห็นได้ชัดเลยว่า “ปีศาจแดง” ไม่ได้ประตูจากการทำเกมตามปกติเลย แผงหลังที่เคยได้ชื่อว่าแกร่งที่สุดก็โดนสนิมของกาลเวลาเกาะกินจนช้าตามจอม เลื้อยฝ่ายตรงข้ามแทบไม่ทัน กองกลางที่ไม่อาจสร้างสรรค์เกมได้หลากหลาย เลี้ยงบอลไปริมเส้นแล้วก็ไปต่อไม่ได้อยู่หลายครั้ง

มอยส์ รู้ดีว่าต้องปรับปรุงทุกส่วน และที่เราทำได้คือเชื่อใจ เชื่อว่า มอยส์ จะพัฒนาทีมได้ และเราก็จะมีความสุขได้อีกครั้ง

หลายคนบอกการซื้อตัวไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าพยายามคว้านักเตะเกรดเอเข้ามาสู่ทีมมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ

ไม่มีใครรู้หรอกว่าช่วงเวลาที่ไม่มี “ป๋า” จะทำให้เราต้องคลุกฝุ่นคลุกโคลนกันอยู่นานแค่ไหน อาจจะ 1 เดือน 1 ซีซั่น 3 ซีซั่น หรืออาจเป็น 10 ปี ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นจริง ผมคงไม่เลิกทิ้งความเป็น “เด็กผี” ของตัวเองไปกับความไม่สมหวัง แต่จะยืนหยัดเคียงข้างทุกคนที่ยืนเคียงข้างทีม

ตอนนี้คงต้องตั้งคำถามแบบ “ดีเจพี่ฉอด” และ “ดีเจพี่อ้อย” แห่ง “คลับฟรายเดย์” ว่า มือของพวกเราที่เคยขายวิญญาณให้ท่านซาตานแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั้น “จับกันไว้แน่นพอหรือยัง” ไม่มีใครมองว่าเราตกต่ำได้ ถ้าเราไม่มอง สวัสดีครับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น
TAGS ที่เกี่ยวข้อง